LGBTเป็นเพราะอะไร? เป็นแล้วหายหรือไม่ ?

ความเข้าใจผิดอย่างหนึ่งที่คนทั่วไปมักมีต่อชาวLGBTก็คือ พยายามจับต้นชนปลาย หาสาเหตุและทางออกประหนึ่งกับว่ามันคือโรคที่ต้องรักษา เป็นไข้หวัด เป็นมะเร็ง ทั้งที่LGBTก็คือ รสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง เป็นความพึงพอใจส่วนบุคคลก็เพียงเท่านั้น

“การเป็นเพศที่สามไม่ใช่อาการทางจิต” เพราะฉะนั้น ถ้าจะเดาว่าคนนี้เป็นตุ๊ด/ทอม/เกย์/เลสเบี้ยน เพราะสิ่งแวดล้อม เช่น ครอบครัว, สังคมการศึกษา, แรงกดดัน หรืออะไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเสมอไป และไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมานั่งหาสาเหตุกัน ตราบใดที่เจ้าตัวยังมีความสุข ได้โปรดเคารพการตัดสินใจของเขาเถอะ

ครอบครัวทำให้เป็น LGBT ?
“เพราะตัวเขาเป็นลูกชายคนเดียว ในขณะที่มีพี่น้องคนอื่นเป็นผู้หญิงกันหมด”
“เพราะมีประวัติว่าพ่อเคยทำร้ายร่างกายแม่ เลยเกลียดเพศชาย”
“เพราะทางบ้านมีฐานะดี สปอยล์พอสมควร จึงเติบโตมาอย่างคุณหนู นิสัยใจคอค่อนข้างออกไปทางหญิง”

เรามักจะพบข้อสันนิษฐานเหล่านี้จากรายการทอล์กโชว์ หรือการคาดเดาไปเองจากสิ่งแวดล้อมที่คิดว่า “น่าจะเป็นไปได้” จนลืมคำตอบที่แท้จริงของชาวLGBTว่าพวกเขาเป็นก็เพราะความต้องการ ”โดยส่วนตัว” ก็เท่านั้น

บางคนโตมากับครอบครัวที่มีพี่น้องเป็นผู้ชายก็เป็นกะเทยได้
บางคนครอบครัวอบอุ่นดี ไม่มีปัญหา ลูกสาวก็เป็นทอมได้
บางคนฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่ไม่ตามใจ (หลายคนโดนพ่อแม่ตบตีเพื่อให้เลิกเป็นเพศที่สาม) ก็ยังยืนยันที่จะเป็นกะเทย เกย์ ทอม ดี้

รสนิยมไม่เกี่ยวกับฐานะครอบครัว, ไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดู, ไม่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในครอบครัว ย้ำอีกทีว่าที่คน ๆ หนึ่งเลือกที่จะเป็นLGBT มันคือความพึงพอใจโดยส่วนตัวจริง ๆ

สังคมการศึกษา-สังคมเพื่อนทำให้เป็น LGBT ?
สังคมการศึกษาก็เหมือนกับครอบครัว เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถโน้มน้าวใครให้เป็นได้ง่าย ๆ ถ้าเจ้าตัวไม่ต้องการจะเป็นก็จบไปเท่านั้น

โรงเรียนประจำ, โรงเรียนสหฯที่แต่เดิมเป็นโรงเรียนหญิงล้วน, โรงเรียนสหฯที่แต่เดิมเป็นโรงเรียนชายล้วน, คณะที่มีแต่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่, คณะที่มีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ก็แค่สิ่งแวดล้อมที่ “มีความเป็นไปได้” แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นกันทุกคน

บางคนเป็นLGBT เพราะแค่กระแสวัยรุ่นในโรงเรียนสั้น ๆ เข้ามหา’ลัยไปแล้วก็เปลี่ยนไปมีความรักแบบชายหญิงทั่วไป
บางคนเป็นLGBTเพราะคิดดีแล้วว่านี่คือรสนิยมที่ตรงใจตัวเองจริง ๆ ต่อให้เรียนจบมหา’ลัย ทำงานไปกี่ปีแล้วก็ยังจะเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง
บางคนเป็นLGBTมาตลอดสมัยเรียน แต่ก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองซะงั้น ในที่สุดก็เลยแต่งงาน มีลูก มีความรักอีกแบบไป (มีความเป็นไปได้ แต่น้อยมาก)

สังคมเพื่อนฝูงจึงมีส่วนได้ส่วนเสียกับการเป็น LGBTของแต่ละคนน้อยมาก ถ้าเจ้าตัวอยากเป็นก็จะเป็นเอง ของแบบนี้เกลี้ยกล่อมแทบตายยังไงก็ไม่มีทางเป็นกันได้ง่าย อย่าลืมว่าความเป็นจริงก็คือ เพื่อนใช่ว่าจะอยู่กับเราตลอดไป ต่อให้เพื่อนสนิทกันขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องมีแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางบ้าง ห่างกันบ้าง ตัวเราเท่านั้นที่จะอยู่กับเราได้นานกว่า และสามารถหาคำตอบได้ว่าแบบไหนที่สบายใจที่สุด

เพราะเคยเป็นผู้ถูกกระทำ เลยต้องจำใจเป็น LGBT?
มุกอย่างหนึ่งที่เรามักจะพบเห็นในหนังรักหรือหนังทั่วไปในบ้านเราก็คือ เคยถูกหักอกจากผู้ชายเลยเป็นทอม, เคยถูกข่มขืนจากผู้ชายด้วยกันเลยเป็นเกย์ หยุดค่ะ… หยุดมโน! มันเป็นไปได้น้อยมากถึงมากที่สุดที่คนเราจะเป็นอะไร เพราะมีปมจากอะไร ย้ำอีกทีว่าที่คนหนึ่งอยากเป็น LGBT นั่นก็เพราะความพึงพอใจส่วนบุคคลมากกว่า ประมาณว่าถูกจริตกับสิ่งไหนมากที่สุด ก็จะอยู่กับสิ่งนั้นเรื่อย ๆ ไปด้วยความสบายใจ ถ้าเป็นเพราะมีความรู้สึกกดดัน มีปมด้อยแฝงอยู่ ไม่มีทางจะเป็นได้นานหรอกค่ะ เพราะลึก ๆ ไม่มีความสุข

แล้วถ้าในทางกลับกัน คนที่เป็นLGBTจะเปลี่ยนไปเป็นชายหญิงปกติทั่วไปได้มั้ย?
เป็นไปได้ค่ะ เพราะ “รสนิยม” คนเราไม่ตายตัว ส่วนมากจะพบใน “เพศหญิง” มากกว่า (อันนี้แอดมินอาร์ตี้สันนิษฐานเอาเองนะคะว่าเพศหญิงอารมณ์อ่อนไหวกว่าเพศชายเลยมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลง) เช่น สมัยเรียนเป็นทอม แต่เรียนจบแล้วแต่งงานมีลูก ชีวิตแฮปปี้ดี, เคยเป็นดี้ แต่แฟนปัจจุบันเป็นผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ต้องระวังกันนิดนึงนะคะ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวมาก อย่าเผลอไปหยิบยกเรื่องของใครมาแซวเล่น หรือมีแนวคิดบ้า ๆ “เปลี่ยนทอมเป็นเธอ” หรือคิดว่าคนที่แต่งงาน เป็นพ่อคนไปแล้วจะมาสารภาพทีหลังว่าเป็นเกย์จะต้องมีชีวิตที่เลวร้ายเสมอไป เรื่องรสนิยมส่วนตัว ถ้าเขาไม่ได้ทำใครเสียหาย ถ้าเขายังสามารถทำหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ได้ลงตัวดีมาก ก็ไม่ใช่เรื่องค่ะที่เราจะไปก่อดราม่าหรือทำให้ใครรู้สึกด้อยค่าไปเลย

สรุปแล้ว ใครจะเป็นอะไรก็เป็นไปเถอะค่ะ จะเป็นLGBTมายาวนานแล้วเปลี่ยนไปเป็นหญิงชายทั่วไปบ้าง เป็นเลสเบี้ยนแล้วเปลี่ยนไปเป็นดี้แล้วเป็นผู้หญิง เป็นผู้ชายแล้วเปลี่ยนไปเป็นเกย์ เป็นอะไรก็ตามที่มันเป็นความพึงพอใจส่วนตัว อย่าไปขัดเขา คิดแทนเขา หรือเดือดร้อนอะไรแทนเขา เจ้าตัวยังสบายดี มีความสุขอยู่ได้เลย เหตุใดเราจะต้องไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้คนอื่น จริงมั้ยคะ? มองที่คุณค่าของความเป็นคนกันดีกว่า : )

About thailgbt 52 Articles
พูดคุยเกี่ยวกับชาวLGBTบ้านเราแบบง่าย ๆ สบาย ๆ อ่านเข้าใจง่าย ศัพท์ไม่ยาก ไม่วิชาการเกินไป แชร์จากประสบการณ์บ้าง จากสื่อที่รู้เห็นมาบ้าง

2 Comments

  1. ชอบบทความนี้มาก เพราะมีวิธีการแจกแจงเป็นข้อๆอย่างมีเหตุผลมากกว่าความคิดของชายจริงหญิงแท้หลายๆคนด้วยซ้ำ ซึ่งหลายครั้งจะเต็มไปด้วยอคติและใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆมากกว่าข้อเท็จจริงที่มีอยู่คือเข้าขั้นบิดเบือนให้เสื่อมเสีย

  2. ต่างประเทศเค้าว่ากันว่าเรื่องแบบนี้เกิดมาเป็นนะ เลือกไม่ได้ คนที่เปลี่ยนได้เรียกว่าgender fluid หรือบางเคสก็คือมีความเป็นไบเซกชวล แพนเซกชวลแฝงอยู่ หรือเพิ่งค้นพบตัวเอง หรือไม่ก็เหมือนจะเปลี่ยนได้แต่จริงๆเก็บกดไว้ การให้ข้อมูลเรื่องนี้ต้องระวังเพราะคนที่เป็นจริงๆส่วนมากจะเปลี่ยนไม่ได้ บทความนี้ถ้ามีแหล่งข้อมูลทางการแพทย์อ้างอิงน่าจะดีที่สุด

Leave a Reply