คำต้องห้ามในการสนทนากับLGBT

ในบทความก่อนเคยนำเสนอไปแล้วในเรื่อง มารยาทเล็กน้อยที่ควรมีให้กับเพื่อนชาวLGBT ในบทความนี้จะเจาะลึกลงไปในส่วนของคำที่ต้องใช้สนทนาค่ะ ไม่ถึงกับว่าจะต้องให้รู้ศัพท์อะไรในเฉพาะแวดวงLGBT แต่อยากจะให้เลี่ยงคำต้องห้ามต่อไปนี้เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันค่ะ (โดยเฉพาะเพื่อนๆชาวLGBTที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ)

 

คำต้องห้ามคืออะไร?

ไม่เชิงว่าเป็นคำหยาบคายไปซะทีเดียวค่ะ แต่มันคือ คำที่เรามักจะใช้เปรียบเทียบกับLGBTผ่านคำติดตลก บริบทของคำจะดูสนุกสนานหรือหยาบคายมาก ๆ ขึ้นกับปัจจัยอย่างน้อย 2 อย่าง

  1. ความสัมพันธ์ระหว่างคนพูดกับคนฟัง : ถ้าสนิทกัน แซวเล่นกันได้ แต่ต้องรู้ขอบเขต แต่ถ้าไม่สนิทกันเลย ห้ามพูดเด็ดขาด
  2. นิสัยใจคอของLGBTที่เป็นผู้ฟัง : LGBTบางคนอาจจะไม่ถือสา ปล่อยผ่าน แต่ก็มีหลายคนที่ไม่อยากให้เล่นเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการละลาบละล้วง รู้ดีกว่าเจ้าตัวที่เป็นLGBTแท้ ๆ กันเกินไป ในบริบทนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้ค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะระมัดระวัง ให้เริ่มจากตัวของคนพูดนั่นแหละค่ะเป็นสำคัญ

 

คำไหนบ้างที่ห้ามพูดกับLGBT

  1. สาวประเภทสอง
    หลายคนอาจจะงงนะคะว่าทำไมคำนี้ถึงเป็นคำต้องห้าม เพราะฟังดูแล้วการเรียกว่า “กะเทย” หรือ “ตุ๊ด” มันค่อนข้างหยาบคายกว่า

 

ในความเป็นจริงแล้วการเรียกว่า “กะเทย” หรือ “ตุ๊ด” ก็เทียบเท่ากับการเรียกเพื่อนด้วยสรรพนามว่า “แก-ชั้น” นั่นแหละค่ะ และสำหรับการเรียก “สาวประเภทสอง” มันก็เหมือนกับการที่คุยกับเพื่อนโดยแทนตัวเองว่า “ดิฉัน” … พูดโดยสรุปก็คือ ถึงแม้ว่า “สาวประเภทสอง” จะเป็นคำที่สุภาพ แต่มันก็ค่อนข้างแปลกแยกและทางการไปนิดนึง ใช้เฉพาะในสื่อที่ต้องการความเป็นทางการอย่างเช่น หนังสือพิมพ์ได้ แต่ถ้าจะพูดคุยกันควรพูดกันแบบธรรมชาติ เหมือนกับว่าเราพูดกับเพื่อนผู้หญิงคนนึงค่ะ ยังไม่สนิทกันก็เรียก “เธอชั้น”, “เรา-เธอ”, “เรา-ตัวเอง” ได้ ถ้าสนิทกันแล้วจะพัฒนาไปเป็น “แกชั้น” หรือหยาบคายแบบกันเองกว่านั้นก็ได้

 

  1. พวกวิปริตผิดเพศ

การเป็นLGBTไม่ใช่ความผิดปกติทางด้านจิตวิทยา ไม่ใช่ความผิดปกติทางด้านร่างกาย มันก็แค่รสนิยมส่วนตัวของคน ๆ หนึ่งที่ไม่ได้มีบรรทัดฐานมาชี้ผิดถูกกันแต่อย่างใด เหมือนกับรสนิยมด้านแฟชัน, การฟังเพลง, การดูหนัง ฯลฯ

 

และถ้าในมุมกลับกัน เราที่เป็นคนปกติดีก็คงไม่ใครนึกสนุกเอาความเจ็บป่วยของคนอื่นมาล้อเลียนหรอกค่ะ นึกถึงใจเขาใจเราให้มาก ๆ อย่าพูดคำนี้เด็ดขาด !

 

  1. รักร่วมเพศ

ถึงแม้จะรุนแรงน้อยกว่า “พวกวิปริตผิดเพศ” แต่LGBTหลายคนก็ไม่ชอบที่จะใช้คำนี้ในการนิยามตัวเองค่ะ เพราะถ้าแปลตามตรงมันก็คือ “รัก(ที่จะ)ร่วมเพศ” มากกว่าจะแปลว่า “รักในเพศเดียวกัน” ถ้าต้องการจะเรียกชาวLGBT ให้แทนสรรพนามพวกเขาไปเลยว่า “คุณ”, “เธอ”, “นาย” เหมือนกับเราคุยกับผู้หญิง/ผู้ชายแท้ ๆ ตามปกติทั่วไป

 

  1. ไม้ป่าเดียวกัน

ใช้ในการซุบซิบกันระหว่างเพื่อนสนิทได้ค่ะ แต่ไม่ควรนำมาพูดกันอย่างโจ่งแจ้งในการวิพากษ์วิจารณ์ใคร, แซวใคร, หรืออยู่ในฐานะสื่อมวลชน เพราะคำนี้เป็นคำสนุกปากที่ออกไปในเชิงเหยียดกันมากกว่าจะเป็นความหมายในเชิงบวกค่ะ

 

  1. เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ

ระมัดระวังอย่าใช้คำพูดนี้แซวใครเล่น หรือใส่ในบทหนังบทละครเด็ดขาดค่ะ เพราะความหมายที่คนส่วนใหญ่คิดก็คือ “การขืนใจ” ทอมให้เป็นผู้หญิง และในความเป็นจริงแล้ว การจะเปลี่ยนให้ใครสักคนมีตัวตนเป็นอีกแบบหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ถ้าคุณไม่สำคัญต่อเธอจริง ๆ และเธอก็ไม่ได้มีความต้องการจะเปลี่ยนอยู่แล้ว

 

  1. นิ้วเย็น ๆ หรือจะสู้เอ็นอุ่น ๆ

คำนี้ค่อนข้างหยาบคายและส่อไปในทางเพศชัดเจนกว่าในข้อ 5 อย่ามั่นใจนักว่าอวัยวะเพศชายเท่านั้นที่คู่ควรกับผู้หญิง เพราะปัจจัยที่ทำให้ใครสักคนมีความสุขสุด ๆ ไม่ได้สลักสำคัญไปที่เรื่องใต้สะดือเพียงอย่างเดียวค่ะ

 

  1. คำกริยาที่หมายถึงการร่วมเพศในLGBTอย่างชัดเจน เช่น อัดถั่วดำ, ตุ๋ยตูด, ระเบิดถังขี้, ระเบิดเหมืองทอง, ล้างตู้เย็น, ตีฉิ่ง

ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ากิจกรรมทางเพศที่เป็นคำดังกล่าวมีจริงในชาวLGBT แต่ก็ใช่ว่าชาวLGBTทุกคนจะพึงพอใจให้คนอื่นหยิบยกมาพูดประจานในทำนองว่า “พวกเขาก็มีดีแค่เรื่องพวกนี้” จะสนิทกันแค่ไหนก็ตามไม่ควรนำเรื่องในที่ลับมาไขในที่แจ้งค่ะ นอกจากจะทำให้LGBTรู้สึกอับอาย มันยังเป็นการเหยียดเพศที่ค่อนข้างรุนแรง ไม่เหมาะสมกับการเป็นเพื่อนมนุษย์ที่ดีต่อกันเลยสักนิด

 

รู้แล้วก็ระวังให้มากนะคะ “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล“ ยังเป็นสำนวนไทยที่ใช้ได้เสมอ เวลาที่เราจะพูดอะไรออกมา อย่านึกสนุกแต่เพียงอย่างเดียว ฉุกคิดสักนิดด้วยค่ะว่าพูดไปแล้วทำร้ายความรู้สึกใครรึเปล่า ที่สำคัญก็คือ “คำพูดมันบ่งบอกถึงความคิดตัวผู้พูด” ได้เป็นอย่างดีค่ะ อยากให้คนอื่นมองคุณแบบไหน ก็อยู่ที่คุณแล้วค่ะจะใช้คำพูดแบบไหน : )

About thailgbt 52 Articles
พูดคุยเกี่ยวกับชาวLGBTบ้านเราแบบง่าย ๆ สบาย ๆ อ่านเข้าใจง่าย ศัพท์ไม่ยาก ไม่วิชาการเกินไป แชร์จากประสบการณ์บ้าง จากสื่อที่รู้เห็นมาบ้าง

2 Comments

  1. ข้อ5-6 ระดับอาชญากรรมเลย อันนี้หนักกว่าการล้อlgbtละเพราะสะท้อนปัญหาระดับสังคมไทยว่าเห็นอาชญากรรมเป็นเรื่องขำขันไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีกันได้ยังไง มันคาบเกี่ยวกับวัฒนธรรมมุกตลกลงอ่างกับวัฒนธรรมข่มขืนนางเองข่มขืนตัวอิจฉาในละครไทยด้วย อันนี้แนะนำแจ้งความเลย ข้อหาข่มขู่หรืออะไรถ้าทำได้ สังคมจะได้ปรับความเข้าใจระดับความซีเรียสให้ถูกต้องกันซะที

    ปล.คนที่มีความประพฤติพูดจาเข้าข่ายข้อ5-7นี่ตามนิยามแล้วคือวิปริต(pervert)ตัวจริงเลย คือมีสันดานหมกมุ่นในเรื่องกามของคนอื่นมากๆ

  2. ต่อ ข้อ7 ลองนึกภาพชายหญิงทั่วไปมีหน้ามีตาคู่นึงกำลังจะแต่งงาน (จินตนาการคนดังนักการเมืองดารานักธุรกิจขึ้นมาสักคู่) แล้วข่าวพาดหัวว่า คุณก.กับคุณข.จะเ_ดกันแล้ว อยากรู้จะรู้สึกกันยังไง เพราะเคยเห็นทอมดี้แต่งงานกันหรือเป็นแฟนกัน นักข่าวไร้จรรยาบรรณพาดหัวว่าฉิ่งหรือดนตรีไทยนี่แหละ คือการเขียนข่าวแบบนี้ไม่ได้ทุเรศเพราะว่ามีการพูดถึงเรื่องบนเตียงของlgbt แต่มันทุเรศว่ามีการพูดถึงเรื่องบนเตียง แค่นั้นเลย จะเพศไหนๆถ้าพาดหัวเป็นหนังxอย่างนี้ก็ฟังดูเสื่อมกันทั้งนั้น
    เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ได้เป็น เวลาจะพูดอะไรลองนึกเปรียบเทียบดูว่าถ้าเป็นเพศตัวเองโดนพูดแบบเดียวกันจะรู้สึกยังไง นักข่าวไม่ควรทำตัวสองมาตรฐานกับlgbt ถ้าlgbtแต่งงานจะใช้คำว่าเล่นดนตรีไทย ชญแต่งงานก็ไม่ควรใช้คำว่าวิวาห์ ควรใช้คำว่ามิชชันนารีหรือท่าหมาหรืออะไรทำนองนั้น(นึกตัวอย่างไม่ออก55) ไม่งั้นมันคือการทำตัวสองมาตรฐาน เป็นการbiasสอดแทรกhomophobiaของสื่อ

Leave a Reply