ทอม

ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใดสำหรับการเรียกร้องสิทธิทางกฎหมายและความเท่าเทียมกันในการใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ ของชาวLGBT ที่พยายามทำให้ทุกอย่างไม่แปลกแยกไปจากชายจริงหญิงแท้ทั่วไป เราต่างก็เห็นความเคลื่อนไหวตามข่าวสารต่าง ๆ มาบ้างเป็นระยะ ๆ แต่สิ่งที่น่าคิดก็คือ “เหตุใดจึงยังไม่เป็นรูปธรรมอย่างสมบูรณ์เสียทีนะ?”   และแม้ว่าในเร็ว ๆ นี้อเมริกาเพิ่งจะเปิดโอกาสให้ชาวเกย์สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ตามกฎหมายจนเป็นข่าวคึกโครมให้ชาวโลกได้หันมาสนใจและแสดงความยินดี แต่ก็ยังไม่สามารถลบล้างอคติทางเพศจากคนทั่วไปได้เสียหมด ตราบใดที่เรายังยึดศาสนา, ความเชื่อ, ธรรมเนียมประเพณี, กฎหมาย, กฎระเบียบการสมัครงาน, กฎในสถานศึกษา และกฎระเบียบอีกมากในโลกนี้โดยยึดเพียงแค่ชาย-หญิงเป็นหลัก มากกว่าจะยึดที่ความเป็นมนุษย์เป็นสำคัญ   ยังอีกนานกว่าที่ชาวโลกจะอ้าแขนรับชาวLGBTได้อย่างเต็มที่ […]

ถ้าเราจะมาสังเกตกันว่าใครเป็นกะเทย ใครเป็นเกย์ ใครเป็นดี้ ฯลฯ หลายคนอาจจะพอมีคำตอบบ้างนะคะว่า ให้ดูที่ตรงไหน สังเกตจากอะไร (เสื้อผ้า หน้า ผม กริยาท่าทาง การพูดจา ฯลฯ) แต่ที่น่าสนใจก็คือ “แล้วจะที่เดากันน่ะ จริงหรือไม่จริงล่ะ?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ “คนเดาก็ไม่ใช่LGBT” และ “คนถูกสงสัยก็ไม่ได้พูดเลยว่าเป็นหรือไม่เป็น”   ในฐานะที่แอดมินอาร์ตี้เคยรักเพศเดียวกันมาก่อน และพอจะมีเพื่อนที่อยู่ในแวดวงLGBT ในโพสต์นี้เลยขอถือโอกาสไขข้อกระจ่างในข้อสังเกตแต่ละข้อที่ขำ ๆ […]

ในบทความก่อนเคยนำเสนอไปแล้วในเรื่อง มารยาทเล็กน้อยที่ควรมีให้กับเพื่อนชาวLGBT ในบทความนี้จะเจาะลึกลงไปในส่วนของคำที่ต้องใช้สนทนาค่ะ ไม่ถึงกับว่าจะต้องให้รู้ศัพท์อะไรในเฉพาะแวดวงLGBT แต่อยากจะให้เลี่ยงคำต้องห้ามต่อไปนี้เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันค่ะ (โดยเฉพาะเพื่อนๆชาวLGBTที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ)   คำต้องห้ามคืออะไร? ไม่เชิงว่าเป็นคำหยาบคายไปซะทีเดียวค่ะ แต่มันคือ คำที่เรามักจะใช้เปรียบเทียบกับLGBTผ่านคำติดตลก บริบทของคำจะดูสนุกสนานหรือหยาบคายมาก ๆ ขึ้นกับปัจจัยอย่างน้อย 2 อย่าง ความสัมพันธ์ระหว่างคนพูดกับคนฟัง : ถ้าสนิทกัน แซวเล่นกันได้ แต่ต้องรู้ขอบเขต แต่ถ้าไม่สนิทกันเลย ห้ามพูดเด็ดขาด นิสัยใจคอของLGBTที่เป็นผู้ฟัง : LGBTบางคนอาจจะไม่ถือสา […]

ถึงแม้ว่าLGBTจะเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเราทุกคน ไม่ต้องการที่จะถูกเลือกปฏิบัติ ถูกทำให้แปลกแยก แต่เพราะหลายคนยังไม่เข้าใจในเรื่องเพศอย่างแท้จริง แนวคิด “เลือกปฏิบัติ” จึงยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง และบางทีก็มาจากแม้กระทั่งคนใกล้ตัวด้วยกัน คนที่สนิทกันแท้ ๆ   ถ้าไม่รู้ว่าจะวางตัวกับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เข้าใจอย่างไร ให้ยึดหลัก “มารยาท” เอาไว้ค่ะ LGBTก็เป็นกลุ่มบุคคลหนึ่งที่ต้องการรักษาขอบเขตกันหน่อยนึงเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้เลย   เขาก็แค่เพื่อนคนหนึ่ง ที่สนิทได้ พูดคุยกันได้หลายเรื่อง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง และไม่ต้องการให้คนอื่นมาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวมากเกินไป   อย่าหักหน้าต่อหน้าครอบครัว […]

ถึงแม้ว่าLGBTจะเป็นเพียงรสนิยมส่วนบุคคล ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกที่จะเป็นLGBTต้องอาศัยจิตที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง   และถึงแม้ว่ายังไม่มีการฟันธงว่าเพศใดมีการฆ่าตัวตายมากกว่ากัน ระหว่างชาย หญิง และLGBT (บางคนก็ไม่ได้เคยบอกใครเลยว่าเป็นLGBT ตอนตายจึงคนภายนอกจึงเห็นเป็นเพียงแค่ผู้ชาย/ผู้หญิงคนหนึ่ง) แต่จากบริบทสังคมเท่าที่เรารู้กันก็พอจะเดาไม่ยากว่าLGBTมีภาวะเสี่ยงมากกว่า เพราะมีความกดดันสูงกว่า   ปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่ทำให้LGBTเกิดความกดดันจนฆ่าตัวตาย? ความคาดหวังจากคนในครอบครัว : ครอบครัวLGBTรับไม่ได้ที่ลูกรักเพศเดียวกัน บางครอบครัวอาจปล่อยให้เลยตามเลย บางครอบครัวอาจตัดหางปล่อยวัด แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าบางครอบครัวที่บีบบังคับให้ลูกอยู่ในกรอบตามเพศกำเนิด เช่น จัดงานแต่งงานแบบคลุมถุงชน, ยอมแม้กระทั่งให้คู่หมั้นล่วงละเมิดทางเพศเพื่อให้เป็นชาย/หญิงตามปกติ LGBTบางคนที่จิตใจแกร่งก็จะสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ไปได้สวย ๆ […]

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ และถ้าเลือกจะเป็นอะไรก็ไม่สามารถบังคับใจกันได้เช่นกัน ดังนั้น การจะบีบบังคับให้คนหนึ่งเลิกรักเพศเดียวกัน เพียงเพราะกลัวเขาจะไม่มีความสุขในอนาคต กลัวว่าเขาจะไม่ได้รับการยอมรับในสังคม มันก็ดูจะใจร้ายไปหน่อยที่ไม่เคารพการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิต… ในเมื่อเขาเลือกแล้ว เราก็ต้องปล่อยให้เขาเป็น และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แม้จะไม่เข้าใจเลยก็ตาม   บางทีแล้วการคิดว่าใครสักคนเลือกที่จะเป็นเกย์, กะเทย, เลสเบี้ยน, ไบเซ็กชวล, ทอม, ดี้ แล้วจะไม่มีความสุขในชีวิต มันก็เป็นเพียงความคิดเห็นในด้านของเราที่แคบไปหน่อย อีกอย่างคือ… เราไม่ได้เป็น รู้ได้อย่างไรล่ะว่าเขาไม่มีความสุข ?   […]

ไม่เพียงแต่กลุ่มชายรักชายอย่างกะเทยและเกย์เท่านั้นที่เริ่มมีพื้นที่ในสังคมมากขึ้น หญิงรักหญิงก็เริ่มมีกระแสตามมาเช่นกันนับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ yes or no ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ผู้หญิงไม่อายอีกต่อไปที่จะหันมารักผู้หญิงด้วยกัน และบางคนก็สวยจนผู้ชายเสียดายซะด้วย !   แน่นอนว่ากระแสของหญิงรักหญิงที่เริ่มจะมีเป็นระยะ ๆ มีบ้างที่เห็นชอบด้วยเพราะเป็นสิ่งที่สวยงาม และมีอีกมากที่ยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาผู้ชายแท้ ๆ ที่มักจะสงสัยว่า “ผู้หญิงด้วยกันมีดีตรงไหนนะ ทำไมผู้ชายถึงสู้ไม่ได้?”   ถ้าคุณเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังคิดเช่นนี้อยู่ หรือมีคนใกล้ตัวเป็นผู้ชายที่คิดแบบนี้อยู่ ลองมาดูสิ่งที่สาว ๆ เลสเบี้ยน, […]

นอกจากการเป็นที่ยอมรับในสังคม, ความเป็นอยู่ในอนาคตแบบไร้ลูกหลานดูแล การประกอบอาชีพก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนรู้สึกเป็นห่วงชาวLGBT โดยเฉพาะพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่มีต่อลูกหลาน ซึ่งบางครอบครัวถึงกับต้องจี้ต้องบังคับให้อยู่ในทิศทางของคนปกติทั่วไป   พวกเขาประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง? LGBTประกอบอาชีพได้หลากหลายกว่าที่เราคิดค่ะ ย้ำอีกทีว่ารสนิยมทางเพศไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น สบายใจหายห่วงได้เลยว่าพวกเขาจะไร้หนทางทำกิน (ตรงกันข้าม พวกเขากลับเป็นกลุ่มคนที่อึดกว่าที่คิด เพราะไม่อยากให้ใครมาดูถูกง่าย ๆ)   ถ้าจะแบ่งประเภทตามรูปลักษณ์ภายนอก มี 2 แบบค่ะ กลุ่มLGBTที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ-ผู้ชายข้ามเพศ : ลักษณะภายนอกเด่นชัดจนสังเกตลักษณะเดิมได้ เช่น กะเทยแปลงเพศแล้ว […]

ไม่เพียงแต่เพื่อน(ทั้งในวงการและนอกวงการLGBT)เท่านั้นที่LGBTรักและนับถือเป็นพิเศษพอกันกับคนในครอบครัว การมีไอดอลสักคนหนึ่งก็สำคัญในชีวิตของพวกเขา เพราะอย่างน้อยในขณะที่เพื่อนไม่ว่างจะรับฟังปัญหา ก็ยังพอมีผลงานของใครบางคนไว้บรรเทาทุกข์ มีแนวทางชีวิตของใครสักคนไว้เป็นต้นแบบไม่ให้ไขว้เขว หรือในขณะที่คิดอะไรไม่ออก ได้เปิดโซเชียลอ่านเรื่องราวของคนที่ชอบ ก็ยังพอจะได้กำลังใจ ได้ไอเดียอะไรกลับไปบ้าง   เคยสังเกตมั้ยคะว่าLGBTส่วนใหญ่มักจะมีขุ่นแม่ขุ่นเจ๊เป็นดารา, นักร้อง หรือเซเลบอะไรก็ตามอยู่ในใจอย่างน้อย 1 คนเสมอ หรือไม่ก็ถ้าเอ่ยชื่อออกมาเป็นเซตหนึ่ง คนทั่วไปก็พอจะเดาได้ทันทีว่าคนนี้เป็นLGBTใช่ป่ะ?   ทำไมต้องเป็นเช่นนั้น? และพวกเขามีไอดอลเป็นใครกันบ้าง? แอดมินอาร์ตี้ขอรวบรวมเป็นหมวดหมู่ก็แล้วกันค่ะ เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ อาจมียกตัวอย่างบ้างแต่คงไม่หมดนะคะ เพราะเดี๋ยวจะยาวเกินไป   […]

ถือเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่ยากที่สุดสำหรับLGBT รองจากการเปิดเผยตัวตนและการจีบใครสักคนที่ตรงใจ เพราะความรักแบบนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายระยะทาง ท้าทายหัวใจ แต่ยังท้าทายอนาคตด้วย !   แต่ในเมื่อรักไปแล้ว จะเลิกกันมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด มาดูกันค่ะว่าข้อดีข้อเสียของรักระยะไกลในชาวLGBTมีอะไรบ้าง   ไม่เป็นที่สังเกตได้ง่าย : ความไกลอาจเป็นอุปสรรคที่ทำให้รู้สึกน้อยใจ ไม่ได้สวีทกันอย่างคู่อื่น แต่สำหรับชาวLGBTที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับคนใกล้ตัวได้ ถือว่าเป็นข้อดีค่ะ ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวเวลาไปนัดเจอกัน, ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาให้ซุบซิบนินทา ทำให้ความรักค่อนข้างมีความปลอดภัยจากขาเม้าท์คนอื่นได้พอควร   เหมาะสำหรับคนที่ขาดความมั่นใจ : บางคนก็ขี้อาย ไม่ชอบเปิดเผยตัวตนให้ใครเห็นในที่ชีวิตจริงหรือในที่แจ้งก็ถนัดที่จะคุยกันผ่านหน้าจอซะมากกว่า […]